Loading...

สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (“สำนักงาน กสทช.”) เป็นหน่วยงานของรัฐที่สนับสนุนและรับผิดชอบงานธุรการของคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ กิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ซึ่งเป็นองค์กรของรัฐที่มีความเป็นอิสระตามบทบัญญัติมาตรา ๖๐ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ในฐานะผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล (Data Controller) ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. ๒๕๖๒ มีการเก็บรวบรวมและประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลเท่าที่จำเป็นต่อการปฏิบัติหน้าที่ให้สอดคล้องและเป็นไปตามพระราชบัญญัติองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. ๒๕๕๓ พระราชบัญญัติการประกอบกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ พ.ศ. ๒๕๕๑ พระราชบัญญัติการประกอบกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. ๒๕๔๔ พระราชบัญญัติวิทยุคมนาคม พ.ศ. ๒๔๙๘ และกฎหมายอื่น ๆ ที่ให้อำนาจแก่ กสทช. และสำนักงาน กสทช.

 

       ประกาศความเป็นส่วนตัวนี้จัดทำขึ้นเพื่อแจ้งให้เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลทราบถึงรายละเอียดเกี่ยวกับการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล รวมถึงสิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. ๒๕๖๒ ดังต่อไปนี้

 

       บทนิยาม

 

       “เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล” หมายความว่า บุคคลธรรมดาซึ่งเป็นเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลที่สำนักงาน กสทช. เก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลนั้น

       “ข้อมูลส่วนบุคคล” หมายความว่า ข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลธรรมดาซึ่งทำให้สามารถระบุตัวบุคคลนั้นได้ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม แต่ไม่รวมถึงข้อมูลของผู้ถึงแก่กรรมโดยเฉพาะ

       “การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล” หมายความว่า การเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล

       “กสทช.” หมายความว่า คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ

       “สำนักงาน กสทช.” หมายความว่า สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ

       “คลื่นความถี่” หมายความว่า คลื่นวิทยุหรือคลื่นแฮรตเซียนซึ่งเป็นคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่มีความถี่ต่ำกว่าสามล้านเมกะเฮิรตซ์ลงมาที่ถูกแพร่กระจายในที่ว่างโดยปราศจากสื่อนำที่ประดิษฐ์ขึ้น

      “จัดสรรคลื่นความถี่” หมายความว่า การอนุญาตให้สถานีวิทยุกระจายเสียง สถานีวิทยุโทรทัศน์ หรือสถานีวิทยุคมนาคม ใช้ความถี่วิทยุหรือช่องความถี่วิทยุตามตารางกำหนดคลื่นความถี่หรือแผนความถี่วิทยุเพื่อใช้งานภายใต้เงื่อนไขที่ กสทช. กำหนด

    “กิจการกระจายเสียง” หมายความว่า กิจการวิทยุกระจายเสียงและกิจการกระจายเสียง ซึ่งให้บริการการส่งข่าวสารสาธารณะหรือรายการไปยังเครื่องรับที่สามารถรับฟังการให้บริการนั้น ๆ ได้ ไม่ว่าจะส่งโดยผ่านระบบคลื่นความถี่ ระบบสาย ระบบแสง ระบบแม่เหล็กไฟฟ้า หรือระบบอื่น ระบบใดระบบหนึ่ง หรือหลายระบบรวมกัน หรือกิจการอื่นทำนองเดียวกันที่ กสทช. กำหนดให้เป็นกิจการกระจายเสียง

      “กิจการโทรทัศน์” หมายความว่า กิจการวิทยุโทรทัศน์และกิจการโทรทัศน์ซึ่งให้บริการการส่งข่าวสารสาธารณะหรือรายการไปยังเครื่องรับที่สามารถรับชมและฟังการให้บริการนั้น ๆ ได้ ไม่ว่าจะส่งโดยผ่านระบบคลื่นความถี่ ระบบสาย ระบบแสง ระบบแม่เหล็กไฟฟ้า หรือระบบอื่น ระบบใดระบบหนึ่ง หรือหลายระบบรวมกัน หรือกิจการอื่นทำนองเดียวกันที่ กสทช. กำหนดให้เป็นกิจการโทรทัศน์

     “กิจการวิทยุคมนาคม” หมายความว่า กิจการซึ่งเป็นการรับและส่งเครื่องหมาย สัญญาณ ตัวหนังสือ ตัวเลข ภาพ เสียง รหัส หรือสิ่งอื่นใด ซึ่งสามารถให้เข้าใจความหมายได้โดยระบบคลื่นความถี่ เพื่อความมุ่งหมายทางโทรคมนาคมในกิจการใดกิจการหนึ่งโดยเฉพาะหรือเป็นการเฉพาะกิจที่มิใช่เป็นการประกอบกิจการโทรคมนาคมตามกฎหมายว่าด้วยการประกอบกิจการโทรคมนาคมหรือการประกอบกิจการกระจายเสียงหรือกิจการโทรทัศน์ตามกฎหมายว่าด้วยการประกอบกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์

        “กิจการโทรคมนาคม” หมายความว่า กิจการซึ่งให้บริการการส่ง การแพร่ หรือการรับเครื่องหมาย สัญญาณ ตัวหนังสือ ตัวเลข ภาพ เสียง รหัส หรือสิ่งอื่นใด ซึ่งสามารถให้เข้าใจความหมายได้โดยระบบคลื่นความถี่ ระบบสาย ระบบแสง ระบบแม่เหล็กไฟฟ้า หรือระบบอื่น ระบบใดระบบหนึ่ง หรือหลายระบบรวมกัน และรวมถึงกิจการซึ่งให้บริการดาวเทียมสื่อสาร หรือกิจการอื่นที่ กสทช. กำหนดให้เป็นกิจการโทรคมนาคม แต่ไม่รวมถึงกิจการที่เป็นกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการวิทยุคมนาคม

        “สิทธิในการเข้าใช้วงโคจรดาวเทียม” หมายความว่า สิทธิที่ประเทศไทยหรือหน่วยงานของรัฐได้รับหรือมีอยู่ในการส่งดาวเทียมเข้าสู่วงโคจรตามข้อบังคับวิทยุของสหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศ

        “ระบบสารสนเทศที่ให้บริการ” หมายความว่า ระบบสารสนเทศที่สำนักงาน กสทช. จัดไว้เพื่อการปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายและการอำนวยความสะดวกแก่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล

 

       ๑. วัตถุประสงค์ในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล

            สำนักงาน กสทช. ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้บริการเพื่อวัตถุประสงค์ดังนี้

         ๑) เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ตามการปฏิบัติหน้าที่ในการดำเนินภารกิจเพื่อประโยชน์สาธารณะของ กสทช. หรือสำนักงาน กสทช. หรือปฏิบัติหน้าที่ในการใช้อำนาจรัฐที่ได้มอบให้แก่ กสทช. หรือสำนักงาน กสทช. หรือประโยชน์สาธารณะที่สำคัญ เช่น

                  - การอนุญาตและกำกับดูแลการใช้เลขหมายโทรคมนาคม การอนุญาตและกำกับดูแลการประกอบกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์

และกิจการโทรคมนาคม

                  - การส่งเสริมสิทธิเสรีภาพและความเสมอภาคของประชาชนในการเข้าถึงและใช้ประโยชน์คลื่นความถี่

                  - การส่งเสริมวิชาชีพและการส่งเสริมการรวมกลุ่มของผู้รับใบอนุญาต ผู้ผลิตรายการ และผู้ประกอบวิชาชีพสื่อสารมวลชนที่เกี่ยวกับกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ สำหรับส่งเสริมและควบคุมการประกอบวิชาชีพภายใต้มาตรฐานทางจริยธรรม

                  - การกำกับดูแลการแข่งขัน อัตราค่าธรรมเนียม การครอบงำกิจการ และการครองสิทธิข้ามสื่อ

                  - การคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพของประชาชนมิให้ถูกเอาเปรียบจากผู้ประกอบกิจการ และคุ้มครองสิทธิความเป็นส่วนตัวและเสรีภาพของบุคคลในการสื่อสารถึงกัน

                  - การจัดให้มีบริการขั้นพื้นฐานโดยทั่วถึงและบริการเพื่อสังคมที่เกี่ยวกับกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ กิจการวิทยุคมนาคม กิจการโทรคมนาคม และกิจการดาวเทียม รวมถึงการดำเนินการอื่นใดที่เกี่ยวข้องเพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ดังกล่าว

                  - การดำเนินการด้านกองทุนวิจัยและพัฒนากิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมเพื่อประโยชน์สาธารณะ

                  - การดำเนินการอื่นใดเพื่อสนับสนุนภารกิจเพื่อประโยชน์สาธารณะของ กสทช. และสำนักงาน กสทช. เช่น การติดต่อประสานงาน การออกใบเสร็จรับเงินหรือใบกำกับภาษี การรับเรื่องร้องเรียน และการจัดประชุม อบรม หรือสัมมนา

                   เพื่อให้การดำเนินภารกิจเพื่อประโยชน์สาธารณะของ กสทช. หรือสำนักงาน กสทช. บรรลุวัตถุประสงค์ เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลจึงต้องให้ข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อการปฏิบัติตามกฎหมาย ทั้งนี้ การไม่ให้ข้อมูลส่วนบุคคลที่ถูกต้องครบถ้วนอาจทำให้สำนักงาน กสทช. ไม่สามารถดำเนินการต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการขออนุญาต หรือการดำเนินการต่าง ๆ  ที่เกี่ยวข้องได้

               ๒) เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ตามความจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายระหว่างเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลกับสำนักงาน กสทช. โดยประโยชน์ดังกล่าวมีความสำคัญไม่น้อยไปกว่าสิทธิขั้นพื้นฐานในข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล เช่น

                   - การตรวจสอบและพิสูจน์ตัวตนในการใช้งานระบบสารสนเทศที่ให้บริการ

                   - การตรวจจับและป้องกันมิให้มีการใช้ระบบที่ให้บริการโดยไม่ได้รับอนุญาต หรือใช้ในลักษณะฉ้อฉล หรือในทางมิชอบด้วยกฎหมาย

                   - การโอนหรือรับโอนหรือแบ่งปันข้อมูลส่วนบุคคลไปยังส่วนราชการ หน่วยงานภาครัฐ หรือองค์กรที่เกี่ยวข้อง

                ๓) เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ตามการปฏิบัติตามกฎหมายของ กสทช. หรือสำนักงาน กสทช. เช่น

                    - การใช้อำนาจหน้าที่ในการบังคับทางปกครอง กระบวนการพิจารณาทางปกครอง การระงับข้อพิพาท การมีคำสั่งทางปกครอง การดำเนินกระบวนพิจารณาตามกฎหมาย หรือการดำเนินคดีอื่น ๆ ทั้งนี้ตามที่กฎหมายกำหนดเกี่ยวกับวิธีปฏิบัติราชการทางปกครองหรือการบังคับใช้มาตรการบังคับทางปกครอง

                    - การดำเนินการตามกฎหมายเกี่ยวกับการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ กฎหมายเกี่ยวกับการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน กฎหมายเกี่ยวกับการตรวจเงินแผ่นดิน และกฎหมายเกี่ยวกับการคลังหรือภาษีอากร

                ๔) เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ตามที่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลได้ให้ความยินยอมกับสำนักงาน กสทช. ในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล

                ๕) เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ตามการจัดทำเอกสารประวัติศาสตร์หรือจดหมายเหตุเพื่อประโยชน์สาธารณะ หรือที่เกี่ยวกับการศึกษาวิจัยหรือสถิติ

                ๖) เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ตามความจำเป็นเพื่อการก่อตั้งสิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย การปฏิบัติตามหรือการใช้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย หรือการยกขึ้นต่อสู้เรียกร้องตามกฎหมาย

 

       ๒. ประเภทของข้อมูลส่วนบุคคลที่เก็บรวบรวม

            สำนักงาน กสทช. มีความจำเป็นต้องใช้ข้อมูลพื้นฐานที่สำคัญ ซึ่งเป็นข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลธรรมดาที่มีข้อมูลที่สามารถระบุตัวบุคคลได้ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม โดยจัดเก็บทั้งจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลที่ได้รับมาโดยตรงและมาจากแหล่งอื่น ซึ่งข้อมูลดังกล่าวครอบคลุมถึงข้อมูลที่ได้รับจากนิติบุคคล องค์การ หน่วยงาน สมาคม หรือข้อมูลอื่นใดที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ กสทช. และสำนักงาน กสทช. ข้อมูลจากหน่วยงานภาครัฐ คู่สัญญา ผู้ประกอบธุรกิจ และประชาชน โดยมีรายการดังต่อไปนี้

                ๑) ข้อมูลรายละเอียดเกี่ยวกับตัวบุคคลหรือข้อมูลที่ใช้ในการระบุและยืนยันตัวตนของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล เช่น ชื่อ-นามสกุล วันเดือนปีเกิด ข้อมูลบนบัตรประจำตัวประชาชน ข้อมูลบนสำเนาหนังสือเดินทาง ลายมือชื่อ ข้อมูลชีวภาพ (ข้อมูลภาพจำลองใบหน้า ข้อมูลจำลองลายนิ้วมือ ฯลฯ)  ข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับสัญชาติและเชื้อชาติ ข้อมูลเกี่ยวกับสุขภาพ ข้อมูลเกี่ยวกับประวัติอาชญากรรม หรือข้อมูลความพิการ

                 ๒) ข้อมูลสถานที่หรือวิธีการติดต่อ เช่น หมายเลขโทรศัพท์ อีเมล ที่อยู่ หรือบัญชีสื่อสังคมออนไลน์

                 ๓) ข้อมูลการประกอบวิชาชีพ เช่น อาชีพ ตำแหน่ง สถานที่ทำงานหรือสถานที่ติดต่อ ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพต่าง ๆ หรือข้อมูลการได้รับอนุญาตให้ประกอบวิชาชีพ

                 ๔) ข้อมูลทางการเงิน เช่น เงินเดือน หรือรายละเอียดเกี่ยวกับบัญชีของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล ข้อมูลผู้เสียภาษี เลขประจำตัวผู้เสียภาษี หรือเลขที่ใบเสร็จรับเงิน

                 ๕) ข้อมูลส่วนบุคคลของบุคคลอื่นที่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลแจ้งแก่สำนักงาน กสทช. เช่น คู่สมรส ผู้ถือหุ้น รายชื่อหุ้นส่วน หรือผู้ค้ำประกัน

                 ๖) ข้อมูลเกี่ยวกับการศึกษา เช่น สถาบันการศึกษาที่สังกัด หรือระดับการศึกษา

                 ๗) ข้อมูลที่เกี่ยวกับการรักษาความปลอดภัย เช่น ข้อมูลจากระบบกล้องวงจรปิด

                 ๘) ข้อมูลส่วนบุคคลอื่น ๆ ตามที่ประกาศหรือกฎหมายที่เกี่ยวข้องกำหนด เช่น ข้อมูล Log ทางอิเล็กทรอนิกส์ ได้แก่ ข้อมูลแสดงตัวตนทางอิเล็กทรอนิกส์หรือบันทึกข้อมูลที่ได้มาโดยอัตโนมัติจากอุปกรณ์ของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลบางรายการ เช่น ประเภทอุปกรณ์ ประเภทระบบปฏิบัติการ เลขที่อยู่ไอพี ข้อมูลเบราเซอร์ รวมถึงประเภทและการตั้งค่าภาษา ตัวระบุเครื่อง ข้อมูลคุกกี้ หรือตัวระบุแอปพลิเคชันบนโทรศัพท์เคลื่อนที่

                 ๙) ข้อมูลเพื่อประโยชน์ในการกำกับดูแล การพัฒนาระบบ และการให้บริการของสำนักงาน กสทช. เช่น ข้อมูลตำแหน่งทางภูมิศาสตร์ ข้อมูลไฟล์เสียง ไฟล์วิดีโอ หรือประวัติการเข้าร่วมกิจกรรม

                ๑๐) ข้อมูลอื่น ๆ ที่อาจมีความจำเป็นต่อการปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย

 

       ๓. ฐานทางกฎหมายในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล

                สำนักงาน กสทช. ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล ภายใต้ฐานทางกฎหมาย ดังนี้

              ๑) เป็นการจำเป็นเพื่อการปฏิบัติหน้าที่ในการดำเนินภารกิจเพื่อประโยชน์สาธารณะของ กสทช. หรือสำนักงาน กสทช. เช่น พระราชบัญญัติองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจาย            เสียงวิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. ๒๕๕๓ พระราชบัญญัติการประกอบกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ พ.ศ. ๒๕๕๑ พระราชบัญญัติการประกอบกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. ๒๕๔๔ และพระราชบัญญัติวิทยุคมนาคม พ.ศ. ๒๔๙๘

            ๒) เป็นการจำเป็นเพื่อปฏิบัติหน้าที่ในการใช้อำนาจรัฐที่ได้มอบให้แก่ กสทช. หรือสำนักงาน กสทช. เช่น มติคณะรัฐมนตรี หรือคำสั่งของหน่วยงานของรัฐที่มีอำนาจตามกฎหมายซึ่งเป็นไปตาม   ขอบเขตอำนาจที่  กสทช. หรือสำนักงาน กสทช. ได้รับมอบหมาย เป็นต้น

                  ๓) เป็นการจำเป็นเพื่อการปฏิบัติตามสัญญาซึ่งเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลเป็นคู่สัญญาหรือเพื่อใช้ในการดำเนินการตามคำขอของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเข้าทำสัญญานั้นกับสำนักงาน กสทช.

               ๔) ความจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายระหว่างเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลกับสำนักงาน กสทช. โดยประโยชน์ดังกล่าวมีความสำคัญไม่น้อยไปกว่าสิทธิขั้นพื้นฐานในข้อมูลส่วนบุคคล            ของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล เช่น ในช่วงที่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลสมัครลงทะเบียนขอบัญชีผู้ใช้งานเพื่อขอรับบริการบนระบบสารสนเทศที่ให้บริการ

                 ๕) เป็นการปฏิบัติตามกฎหมายของ กสทช. หรือสำนักงาน กสทช. ในกรณีที่มีกฎหมายกำหนดให้ต้องปฏิบัติ เช่น กฎหมายเกี่ยวกับการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ กฎหมายเกี่ยว     กับการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน กฎหมายเกี่ยวกับการตรวจเงินแผ่นดิน และกฎหมายเกี่ยวกับการคลังหรือภาษีอากร

                  ๖) ความยินยอม ในกรณีที่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลได้ให้ความยินยอมกับสำนักงาน กสทช. ในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล

                  ๗) เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ที่เกี่ยวกับการจัดทำเอกสารประวัติศาสตร์หรือจดหมายเหตุเพื่อประโยชน์สาธารณะ หรือที่เกี่ยวกับการศึกษาวิจัยหรือสถิติ

                  ๘) เพื่อป้องกันหรือระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพของบุคคล

                  ในกรณีที่สำนักงาน กสทช. จะทำการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลตามที่กำหนดในมาตรา ๒๖ แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. ๒๕๖๒ สำนักงาน กสทช. จะจัดให้มีฐานทางกฎหมายตามมาตรา ๒๖ ให้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ดังกล่าวเป็นการเพิ่มเติม และจัดให้มีมาตรการที่เหมาะสมเพื่อคุ้มครองสิทธิขั้นพื้นฐานและประโยชน์ของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล

 

       ๔. ระยะเวลาในการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคล

       สำนักงาน กสทช. เก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลเป็นระยะเวลาตามที่กฎหมายกำหนดและตามวัตถุประสงค์ของการเก็บรวบรวมเพื่อให้สอดคล้องกับอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายของ กสทช. หรือสำนักงาน กสทช. ในการจัดทำบริการสาธารณะ และหน้าที่อื่น ๆ ตามกฎหมาย รวมถึงเพื่อประโยชน์ในการใช้สิทธิทางศาลหรือการระงับข้อพิพาทใด ๆ ในอนาคต รายละเอียดปรากฏตามนโยบายการเก็บรักษาและการลบทำลายข้อมูลส่วนบุคคล (Data Retention and Disposal Policy) โดยเมื่อพ้นระยะเวลาการจัดเก็บดังกล่าวแล้ว สำนักงาน กสทช. จะลบทำลายข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลโดยทันที เว้นแต่กรณีที่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลได้ใช้สิทธิ หรือมีข้อพิพาทหรือคดีความเกี่ยวกับการใช้บริการของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล สำนักงาน กสทช. ขอสงวนสิทธิในการเก็บรักษาข้อมูลนั้นต่อไปจนกว่าการใช้สิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลได้ดำเนินการจนถึงขั้นยุติ หรือข้อพิพาทหรือคดีความจะได้มีคำสั่งหรือคำพิพากษาถึงที่สุดแล้ว

 

       ๕. การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล

              สำนักงาน กสทช. อาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลแก่บุคคลหรือหน่วยงาน ดังนี้

                ๑) คู่สัญญา ผู้ให้บริการภายนอก หรือบุคคลภายนอกที่เกี่ยวข้องกับการให้บริการแก่สำนักงาน กสทช. ซึ่งมีความเกี่ยวข้องกับข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล เช่น ผู้ให้บริการระบบงาน ผู้พัฒนาเว็บไซต์ ผู้ตรวจสอบ หรือที่ปรึกษา

                  ๒) เจ้าหน้าที่ของรัฐ หน่วยงานที่มีอำนาจหน้าที่ หรือบุคคลอื่น เพื่อการดำเนินการตามที่กฎหมายกำหนด คำสั่งของผู้มีอำนาจตามกฎหมาย หรือตามคำสั่งหรือหมายศาล เป็นต้น

                 ๓) หน่วยงานภายนอก เช่น สำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน) ที่มีการดำเนินการเชื่อมโยงข้อมูลภาครัฐ (Open data) การเชื่อมโยงข้อมูลกับหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนที่มีการขอความร่วมมือ       เพื่อการเปิดเผยข้อมูล สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา หน่วยงานกำกับดูแลด้านความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ หน่วยงานตรวจสอบด้านการปราบปรามการ กระทำความผิดหรืออาชญากรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ หน่วยงานตรวจสอบด้านการป้องกันและปราบปรามการทุจริต หน่วยงานตรวจสอบด้านการคลังหรือภาษีอากร หน่วยงานบังคับใช้กฎหมายอื่น ๆ และหน่วยงานอื่นใดที่มีความร่วมมือหรือข้อตกลงกับ กสทช. หรือสำนักงาน กสทช.

 

        ๖. การโอนหรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลไปยังองค์กรระหว่างประเทศ

       เพื่อให้การดำเนินภารกิจเพื่อประโยชน์สาธารณะที่สำคัญของ กสทช. หรือสำนักงาน กสทช. บรรลุตามวัตถุประสงค์ในส่วนที่เกี่ยวกับการดำเนินการในฐานะหน่วยงานอำนวยการของรัฐที่มีอำนาจในการกำกับดูแลกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ กิจการโทรคมนาคม กิจการดาวเทียม และกิจการสื่อสารอื่น ๆ ตามที่กฎหมายกำหนดกับสหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศ (International Telecommunication Union: ITU) หรือกับองค์การระหว่างประเทศอื่น รัฐบาลและหน่วยงานต่างประเทศ รวมทั้งสนับสนุนการดำเนินการของรัฐเพื่อให้การบริหารจัดการคลื่นความถี่ การจัดสรรคลื่นความถี่ และสิทธิในการเข้าใช้วงโคจรดาวเทียม ตลอดจนการประสานงานเกี่ยวกับการบริหารคลื่นความถี่ระหว่างประเทศ หรือความร่วมมือหรือข้อตกลงกับหน่วยงานระหว่างประเทศอื่นใดตามที่อยู่ในหน้าที่และอำนาจของ กสทช. หรือสำนักงาน กสทช. หรือตามที่รัฐบาลมอบหมาย จึงอาจมีการส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลไปยังต่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ โดยสำนักงาน กสทช. จะดำเนินการให้เป็นไปตามมาตรฐานการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลตามที่กฎหมายกำหนด

 

       ๗. สิทธิตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. ๒๕๖๒

             เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลสามารถใช้สิทธิตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. ๒๕๖๒ ภายใต้เงื่อนไขและข้อยกเว้นตามที่กฎหมายกำหนด ดังนี้

            ๑) สิทธิในการเข้าถึงและรับสำเนาข้อมูลส่วนบุคคล รวมถึงการขอให้เปิดเผยที่มาของข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลที่สำนักงาน กสทช. เก็บรวบรวมโดยที่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลไม่ได้ให้ความยินยอม เว้นแต่กรณีที่สำนักงาน กสทช. มีสิทธิปฏิเสธคำขอตามกฎหมายหรือคำสั่งศาลและกรณีที่การขอเข้าถึงและรับสำเนาของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลจะส่งผลกระทบที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อสิทธิและเสรีภาพของบุคคลอื่น

            ๒) สิทธิในการขอแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลที่ไม่ถูกต้องหรือไม่ครบถ้วน เพื่อให้มีความถูกต้อง เป็นปัจจุบัน สมบูรณ์ และไม่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิด

            ๓) สิทธิในการขอให้ระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลในกรณี ดังนี้

                 ๓.๑) เมื่ออยู่ในระหว่างที่สำนักงาน กสทช. ทำการตรวจสอบตามคำร้องขอของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล เพื่อให้แก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลให้ถูกต้อง สมบูรณ์ และเป็นปัจจุบัน

                 ๓.๒) ข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลถูกเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยโดยมิชอบด้วยกฎหมาย

                ๓.๓) เมื่อข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลหมดความจำเป็นในการเก็บรักษาไว้ตามวัตถุประสงค์ที่สำนักงาน กสทช. ได้แจ้งต่อเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลในการเก็บรวบรวม                                            แต่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลประสงค์ให้สำนักงาน กสทช. เก็บรักษาข้อมูลนั้นไว้ต่อไปเพื่อประกอบการใช้สิทธิตามกฎหมายของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล

                 ๓.๔) เมื่ออยู่ในระหว่างที่สำนักงาน กสทช. กำลังพิสูจน์ให้เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลเห็นถึงเหตุอันชอบด้วยกฎหมายในการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล หรือตรวจสอบ ความจำเป็นในการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อประโยชน์สาธารณะ อันเนื่องมาจากการที่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลได้ใช้สิทธิคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล

           ๔) สิทธิในการคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล เว้นแต่กรณีที่สำนักงาน กสทช. มีเหตุในการปฏิเสธสิทธิการคัดค้านของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลโดยชอบด้วยกฎหมาย เช่น สำนักงาน กสทช. สามารถแสดงให้เห็นว่า การเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลมีเหตุอันชอบด้วยกฎหมายที่สำคัญยิ่งกว่า หรือเพื่อการก่อตั้งสิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย การปฏิบัติตาม หรือการใช้สิทธิเรียกร้องทางกฎหมาย หรือเพื่อประโยชน์สาธารณะตามภารกิจของสำนักงาน กสทช.

           ๕) สิทธิขอให้ดำเนินการลบหรือทำลาย หรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวบุคคลที่เป็นเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลได้ ทั้งนี้ ตามเงื่อนไขที่กฎหมายกำหนด                                                                                 เมื่อเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลขอใช้สิทธิดังกล่าว สำนักงาน กสทช. จะตรวจสอบและดำเนินการตามคำขอใช้สิทธิโดยไม่ชักช้าและภายในระยะเวลาไม่เกิน ๙๐ วัน นับแต่วันที่บันทึกคำร้องลงระบบ เว้นแต่

มีเหตุจำเป็นอื่นที่ไม่อาจก้าวล่วงได้หรือมีกรณีที่อาจปฏิเสธคำขอได้ตามเงื่อนไขที่กฎหมายกำหนด ซึ่งสำนักงาน กสทช. จะได้แจ้งให้เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลทราบโดยทันที เว้นแต่สิทธิในการเข้าถึงและขอรับสำเนาข้อมูลส่วนบุคคลซึ่งจะดำเนินการภายในระยะเวลาไม่เกิน ๓๐ วัน

           ๖) สิทธิร้องเรียน ในกรณีที่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลพบว่า สำนักงาน กสทช. มิได้ปฏิบัติตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. ๒๕๖๒ เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลมีสิทธิร้องเรียนไปยังคณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญ สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล หรือหน่วยงานที่มีอำนาจกำกับดูแลตามกฎหมาย ทั้งนี้

ก่อนการร้องเรียนดังกล่าวสำนักงาน กสทช. ขอให้เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลโปรดติดต่อมายังสำนักงาน กสทช. เพื่อให้สำนักงาน กสทช. มีโอกาสได้รับทราบข้อเท็จจริงและได้ชี้แจงในประเด็นต่าง ๆ รวมถึงจัดการแก้ไขข้อกังวลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเป็นโอกาสแรก

       ๘. การรักษาความมั่นคงปลอดภัยข้อมูลส่วนบุคคล

         สำนักงาน กสทช. มีความตระหนักและมุ่งมั่นให้ความสำคัญต่อความเป็นส่วนตัวของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล จึงได้จัดให้มีมาตรการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลที่เหมาะสม รวมถึงสอดคล้องกับมาตรฐานสากล ซึ่งประกอบด้วยมาตรการเชิงองค์กร มาตรการเชิงเทคนิค และมาตรการทางกายภาพ ครอบคลุมส่วนประกอบต่าง ๆ และสอดคล้องกับความเสี่ยงที่มีการประเมินและวางมาตรการควบคุม เพื่อป้องกันมิให้ข้อมูลสูญหาย หรือมีการเข้าถึง ทำลาย ใช้ เปลี่ยนแปลง แก้ไข หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลโดยไม่ได้รับอนุญาต โดยกำหนดเป็นนโยบายและแนวปฏิบัติในการรักษาความมั่นคงปลอดภัยด้านสารสนเทศ (Information Security Policy) ของสำนักงาน กสทช.

                  ทั้งนี้ สำนักงาน กสทช. มีมาตรการเพื่อธำรงไว้ซึ่งความลับ (Confidentiality) ความถูกต้องครบถ้วน (Integrity) และสภาพพร้อมใช้งาน (Availability) ของข้อมูลส่วนบุคคล

       ๙. การมีส่วนร่วมของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลและผู้แทน

            สำนักงาน กสทช. อาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลเมื่อได้รับคำร้องขอจาก ผู้สืบสิทธิ ทายาท ผู้แทนโดยชอบธรรม ผู้อนุบาล หรือผู้พิทักษ์ตามกฎหมายของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล โดยส่งคำร้องขอมาที่ Call Center: ๑๒๐๐ อีเมล: [email protected]

            ในกรณีที่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล ผู้สืบสิทธิ ทายาท ผู้แทนโดยชอบธรรม ผู้อนุบาล หรือผู้พิทักษ์ตามกฎหมายมีคำขอให้ดำเนินการใด ๆ เกี่ยวกับการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล หรือการดำเนินการใด ๆ กับข้อมูลส่วนบุคคล เช่น การแจ้งให้ดำเนินการปรับปรุงแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคล สำนักงาน กสทช. จะจัดทำบันทึกการดำเนินการดังกล่าวไว้เป็นหลักฐานด้วย ทั้งนี้ สำนักงาน กสทช. อาจปฏิเสธสิทธิต่าง ๆ ของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลหรือผู้แทนของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลได้ในกรณีที่มีกฎหมายกำหนดไว้

       ๑๐. การให้บริการโดยบุคคลที่สาม

              ในกรณีที่มีความจำเป็น สำนักงาน กสทช. อาจมีการมอบหมายหรือจัดซื้อจัดจ้างผู้ให้บริการภายนอก หรือบุคคลภายนอกที่เกี่ยวข้องกับการให้บริการแก่สำนักงาน กสทช. เพื่อทำหน้าที่เป็นผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของสำนักงาน กสทช. เช่น ผู้ให้บริการระบบงาน ผู้พัฒนาเว็บไซต์ ผู้ดูแลระบบ หรือเป็นงานในลักษณะการจ้างในรูปแบบอื่น ๆ

               การมอบหมายให้บุคคลที่สามทำการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลในฐานะผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล สำนักงาน กสทช. จะจัดให้มีข้อตกลงระบุถึงสิทธิและหน้าที่ของสำนักงาน กสทช. ในฐานะผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล และสิทธิและหน้าที่ของบุคคลที่สามที่สำนักงาน กสทช. มอบหมายให้ทำหน้าที่เป็นผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งรวมถึงการกำหนดรายละเอียดประเภทข้อมูลส่วนบุคคลที่สำนักงาน กสทช. มอบหมายให้ประมวลผล วัตถุประสงค์ ขอบเขตในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล และข้อตกลงอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องซึ่งผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลมีหน้าที่ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลตามขอบเขตที่ระบุไว้ในข้อตกลง และตามคำสั่งของสำนักงาน กสทช. เท่านั้น โดยไม่สามารถประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อวัตถุประสงค์อื่นได้ และต้องจัดให้มีมาตรการรักษาความมั่นคงปลอดภัยที่เหมาะสม เพื่อป้องกันการสูญหาย เข้าถึง ใช้ เปลี่ยนแปลง แก้ไข หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลโดยปราศจากอำนาจหรือโดยมิชอบด้วยกฎหมาย 

       ๑๑. การเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคล

             สำนักงาน กสทช. ได้กำหนดให้ผู้ปฏิบัติงานของสำนักงาน กสทช. ที่มีอำนาจหน้าที่เกี่ยวข้องกับการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลตามประกาศนี้เท่านั้นที่จะสามารถเข้าถึง                           ข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลได้ โดยสำนักงาน กสทช. จะดำเนินการให้ผู้ปฏิบัติงานดังกล่าวปฏิบัติตามประกาศนี้อย่างเคร่งครัด

 

       ๑๒. การขอความยินยอม

               ในกรณีที่อาจต้องใช้ความยินยอมเป็นฐานในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล สำนักงาน กสทช. จะขอความยินยอมสำหรับกิจกรรมการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลก่อนหรือในขณะประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล โดยในการขอความยินยอม สำนักงาน กสทช. จะดำเนินการอย่างโปร่งใสและให้อิสระต่อเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลในการที่จะให้หรือไม่ให้ความยินยอม และเมื่อได้ให้ความยินยอมแล้ว เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลมีสิทธิแก้ไข เปลี่ยนแปลง หรือยกเลิกความยินยอมนั้นได้โดยอิสระ แต่ต้องไม่เป็นการขัดต่อกฎหมายหรือละเมิดสิทธิและเสรีภาพของผู้อื่น ในการเปลี่ยนแปลง แก้ไข หรือยกเลิกความยินยอม สำนักงาน กสทช. จะจัดเก็บบันทึกคำขอเปลี่ยนแปลงหรือแก้ไขความยินยอมของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลไว้เป็นหลักฐานเพื่อให้เจ้าของข้อมูล ส่วนบุคคลสามารถตรวจสอบได้ หากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลต้องการเข้าถึงข้อมูลการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ สามารถติดต่อเพื่อขอข้อมูลดังกล่าวได้จาก Call Center ๑๒๐๐ หรืออีเมล: [email protected]

              ในกรณีที่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลใช้สิทธิเพิกถอนความยินยอมตามเงื่อนไขที่กฎหมายกำหนด สำนักงาน กสทช. จะดำเนินการโดยเร็วที่สุดและภายในระยะเวลาไม่เกิน ๑๔ วัน นับจากวันที่ได้รับคำร้องขอจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล และบันทึกคำร้องดังกล่าวในระบบบริหารจัดการความยินยอม

 

       ๑๓. การปรับปรุงหรือแก้ไขประกาศความเป็นส่วนตัว

               สำนักงาน กสทช. อาจพิจารณาปรับปรุง แก้ไข หรือเปลี่ยนแปลงประกาศนี้ตามที่เห็นสมควร และจะทำการแจ้งให้เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลได้รับทราบผ่านช่องทางเว็บไซต์ www.nbtc.go.th โดยการระบุวันที่กำกับไว้ที่ประกาศสำนักงาน กสทช. จึงขอแนะนำให้เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลตรวจสอบเพื่อรับทราบประกาศฉบับใหม่อย่างสม่ำเสมอ

                                  

        ๑๔. การติดต่อสอบถามและการร้องเรียน

       เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลสามารถติดต่อสอบถามเกี่ยวกับประกาศนี้ ใช้สิทธิร้องเรียนตามกฎหมาย หรือขอใช้สิทธิต่าง ๆ ตามที่กฎหมายกำหนดได้ที่

 

ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล (Data Controller)

ชื่อหน่วยงาน:    สำนักงาน กสทช.

สถานที่ติดต่อ:   สำนักงาน กสทช. ๘๗ ถนนพหลโยธิน ซอย ๘ แขวงสามเสนใน เขตพญาไท กรุงเทพฯ ๑๐๔๐๐ โทร : ๐ ๒๖๗๐ ๘๘๘๘

ช่องทางการติดต่อ:   อีเมล : ๑๒๐๐@nbtc.go.th

Call Center: ๑๒๐๐ (โทรฟรี)

 

เจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Data Protection Officer)

ช่องทางการติดต่อ:        อีเมล : [email protected]

 

วันที่ประกาศใช้ ๑๙ ตุลาคม ๒๕๖๖